Selected
นิทรรศการตัวอย่างที่มีขนาดใหญ่ที่ได้รับการจัดให้เพื่อทุกคนและเป็นรูปแบบของการจัดนิทรรศการแบบเปิดโล่งล้อมรอบดอกไม้ที่สวยงามตามฤดูกาลทั้งสี่ฤดู ที่พบหลากหลายที่มีความโดดเด่นก็คือแมลงที่อาศัยอยู่ในภูเขา ถูกจัดวางอยู่บนผนังซึ่งสตาฟเอาไว้ แสดงให้เห็นถึงมนต์เสน่ห์ของการพัฒนาแบบไดนามิกของทาคาโอะที่เป็นภาพยนตร์ เช่น กำแพงธรรมชาติ"ที่พิพิธภัณฑ์ ทาคาโอะ 599 ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงนิทรรศการเพื่อแสดงให้เห็นความสำคัญของสิ่งมีชีวิตที่มีส่วนร่วมในสภาพแวดล้อมแห่งธรรมชาติ "
-
ไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดเล็ก ลำต้นมีสีเขียว ใบมีลักษณะเหมือนเข็ม ลำต้นเริ่มเติบโตขึ้น ลำต้นจะกว้างประมาณ 1.2 เมตร มักจะปลูกต้นไม้นี้ไว้ในสวนเพื่อต้านลมมิให้เกิดความเสียหาย เป็นสนที่มีใบสีแดง จึงได้ชื่อว่า 'densiflora ' (Akamatsu ) แปลว่า สนแดง หรือสนฉัตร ลักษณะโดยรวมจะคล้ายกับพืชตระกูลสนเดียวกัน แต่มีใบที่บางและ อ่อนนุ่มกว่า จึงมีการเปรียบเปรยว่า kuromatsu (สนดำ) คือสนผู้ชาย และ Akamatsu (สนแดง) คือสนผู้หญิง สามารถเติบโตในเขตทุ่งหญ้าแห่งแล้งได้ดี รวมถึงเขตป่า ตามสันเขาของที่ราบสง สูงกว่า2,000 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล เมื่อช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เราสามารถพบเห็นสนชนิดนี้ในภูเขาทาคาโอะ แต่ในปัจจุบันนี้ไม่ค่อยจะเห็นอีกแล้วไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ลำต้นมีสีเขียว ใบมีลักษณะแบน เล็ก บางและยาว เมื่อเริ่มมีอายุมากขึ้น ลำต้นจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้ม ดอกบานเต็มที่ในระหว่างเดือนเมษายน-พฤษภาคม จะมีเกสรตัวผู้มีสีเหลือง และละอองเกสรตัวเมียสีเขียว อยู่ในดอกเดียวกัน จะมีการผสมเกสร และเมื่อดอกได้แก่จัดจะกลายเป็นเมล็ดพันธ์ เพื่อขยายพันธ์กันต่อไปCLOSE
● ความสูง ประมาณ 25-40 เมตร
● สถานที่ ใกล้กับริมธารแหล่งน้ำ -
เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบ ลำต้นมีสีเขียว ลำต้นสูง เติบโตในป่ารอบ ๆ เนินเขา ลำต้นเป็นสีเถาเรียบ ๆ และเมื่อลำต้นเริ่มแก่ขึ้น ผิวเปลือกต้นไม้จะเริ่มเป็นสีเทาเข้นขึ้นเรื่อย ๆ และแตกเป็นสะเก็ด เป็นต้นไม้ใหญ่ที่มีการเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว เมื่อโตเต็มที่ ลำต้นจะกว้างประมาณ 1 เมตร นิยมปลูกในสวนต้นไม้ และนำไม้นี้มาใช้ในงานวัสดุก่อสร้างอาคาร ที่เป็นวัสดุในการทำโลงศพ งานตกแต่ง งานหัตถกรรมฝีมือต่าง ๆ ฯลฯ (เดิมทีตามหลักของพิธีทางพุทธศาสนา จะใช้ไม้สนในการทำโลงศพ และประกอบพิธีในหลุมฝังศพให้กับคนที่เสียชีวิตแล้ว) ใบยาว ประมาณ 2-3.5 ซม. มีลักษณะบาง เรียวยาว พื้นผิวใบจะมีลักษณะเป็นรอยบุ๋ม เล็กน้อย ดอกจะบานประมาณเดือนพฤษภาคม ตรงโคนดอก จะมีเกสรตัวผู้มีสีเหลือง และละอองเกสรตัวเมียสีเขียว อยู่ในดอกเดียวกัน จะมีการผสมเกสร และเมื่อดอกได้แก่จัดจะกลายเป็นเมล็ดพันธ์ เพื่อขยายพันธ์กันต่อไป เมล็ดวงกลม รูปทรงกระบอก เหมือนกับสนสายพันธ์ใกล้เคียง ยาวประมาณ 10 ถึง 15 ซม.CLOSE
● ความสูง ประมาณ 25-40 เมตร
● สถานที่ ถนนสาย 3 และ 4 ถนนสาย Iroha -
เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบ ลำต้นมีสีเขียว ลำต้นสูง เติบโตในป่ารอบ ๆ เนินเขา พบตามบริเวณที่มีความชุ่มชื้น ใกล้แหล่งลำธาร นิยมนำไม้สนชนิดนี้นำมาใช้ในอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างอาคาร ซึ่งส่วนใหญ่จะพบในเทือกเขาทาคาโอ่ะ ถนนสาย 5 'สนซีดาร์ เอกาว่า' ซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่า ผู้ที่ริเริ่มในการปลูกคือ นายเกงาว่า ทาโรซาเอม่อน ในยุคเอโดะ โคนต้นเป็นสีเขียวเข้ม และแซมด้วยสีน้ำตาลแดง สีจะเข้มขึ้นเรื่อย ๆ ตามอายุของต้นไม้ และจะมีเปลือกหนามากขึ้น ลำต้นเมื่อเติบโตเต็มที่จะกว้างประมาณ 1 ถึง 2 เมตร ใบมีรอยบุ๋มนิดหน่อย มีลักษณะเรียวยาว ยาวประมาณ 1 เซนติเมตร ดอกจะบานประมาณเดือนมีนาคม ตรงโคนดอก จะมีเกสรตัวผู้มีสีเหลือง และละอองเกสรตัวเมียสีเขียว อยู่ในดอกเดียวกัน จะมีการผสมเกสร และเมื่อดอกได้แก่จัดจะกลายเป็นเมล็ดพันธ์ เพื่อขยายพันธ์กันต่อไป เมล็ดมีรูปร่างทรงกลม มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 ถึง 3 ซม.CLOSE
● ความสูง ประมาณ 30 ถึง 40 เมตร
● สถานที่ ถนนสายTrail 1 ถึง 6 , เทือกเขาอินาริ , จาทากิ , อิโรหะ, อุระ-ทาคาโอ่ะ โอคุ- ทาคาโอะ , มินามิ-ทาคาโอะ , คิตะ-ทาคาโอะ -
เป็นไม้ป่าดิบที่เติบโตในป่า ในสถานที่แห้งแล้ง ตามหุบเขา พบในเขตอากาศเดียวกับต้นสนซีดาร์ญี่ปุ่นทั่ว ๆ ไป และนิยมปลูกในทั่วทุกมุมของทั่วประเทศญี่ปุ่น เพื่อนำไปใช้เป็นทรัพยากร ใช้ในวัสดุก่อสร้างทั่วไป ลำต้นเป็นสีน้ำตาลแดง มีเปลือกค่อนข้างหนา ลำต้นเมื่อเติบโตอย่างเต็มที่แล้วจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 60 ซม. และมีกิ่งก้านสาขาที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ สาขาที่มีการขยายตัว ใบมีลักษณะที่บาง แต่มีจำนวนใบมาก เมื่อรวบเข้าด้วยกันทำให้มีใบที่หนาแน่นมาก ดอกจะบานประมาณเดือนเมษายน ดอกมีสีน้ำตาลอมม่วง เมล็ดมีลักษณะกลม เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 ซม. เมล็ดพันธุ์เมื่อแก่จัด จะเปลี่ยนเป็นสีแดงอมน้ำตาล ประมาณตุลาคม-พฤศจิกายน เมล็ดแก่จัดจะเริ่มร่วงหล่นลงพื้น เพื่อทำหน้าที่ขยายพันธ์ต่อไปCLOSE
● ความสูง ประมาณ 20 ถึง 30 เมตร
● สถานที่ ถนนสายTrail 1 ถึง 6 , เทือกเขาอินาริ , จาทากิ , อิโรหะ, อุระ-ทาคาโอ่ะ โอคุ- ทาคาโอะ , มินามิ-ทาคาโอะ , คิตะ-ทาคาโอะ -
เป็นต้นไม้ผลัดใบ ลำต้นสูง เติบโตในพื้นที่ป่า ภูเขาและ เนินเขา หรือยังพบในบริเวณในเขตเมืองด้วยเช่นกัน เมล็ดสามารถกินได้ ปัจจุบันนิยมที่จะนำมาปลูกในเขตชุมชน เพื่อเป็นไม้ประดับ ตกแต่งอาคารบ้านเรือน ลำต้นด้านนอกเป็นสีเทา ดำ เมื่อลำต้นเติบโตเต็มที่ จะกว้างประมาณ 1 เมตร ไม้นี้มีเนื้อไม้ค่อนข้างแข็ง และสามารถมีอายุการใช้งานได้นาน จึงนำมาใช้ในการผลิตในวัสดุการก่อสร้างอาคารบ้านเรือน เฟอร์นิเจอร์ ไม้แกะสลัก ใบมีลักษณะบาง เรียวรูปไข่ ยาวประมาณ 7-15 ซม. ขอบใบมีลักษณะที่เป็นร่องฟันคล้ายฟันของใบเลื่อย ดอจะบานประมาณเดือนมิถุนายน เป็นต้นไม้ผลัดใบ ลำต้นสูง เติบโตในพื้นที่ป่า ภูเขาและ เนินเขา หรือยังพบในบริเวณในเขตเมืองด้วยเช่นกัน เมล็ดสามารถกินได้ ปัจจุบันนิยมที่จะนำมาปลูกในเขตชุมชน เพื่อเป็นไม้ประดับ ตกแต่งอาคารบ้านเรือน ลำต้นด้านนอกเป็นสีเทา ดำ เมื่อลำต้นเติบโตเต็มที่ จะกว้างประมาณ 1 เมตร ลำต้นมักถูกปกคลุมไปด้วยหนาม ลำต้นมีสีน้ำตาลเข้ม ดอกจะบานในฤดูใบไม้ร่วงของปีถัดไปCLOSE
● ความสูง ประมาณ 15 ถึง 20 เมตร
● สถานที่ เทือกเขาโอคุ - ทาคาโอะ -
เป็นต้นไม้ผลัดใบ ลำต้นสูง ที่เติบโตในป่า บริเวณพื้นที่ภูเขา ลำต้นด้านนอก เป็นสีดำ สีเขียว เมื่อสัมผัสที่ผิวเนื้อไม้จะราบเรียบ ลำต้นเมื่อเติบโตเต็มที่ จะกว้างประมาณ 80 ซม. ปัจจุบันมักจะมีการนำมาใช้เป็นไม้สวน ไม้ประดับตามอาคารบ้านเรือน ตามริมถนนหนทาง และในด้านประโยชน์ใช้สอยจากเนื้อไม้ เช่นเดียวกับที่ ถูกนำมาใช้ กับวัสดุสำหรับการก่อสร้างอาคาร สำหรับอุปกรณ์ ดนตรีและ วัสดุ เครื่องดนตรี ใบเป็นรูปบวงรี ยาวประมาณ 7-14 ซม. คมชัด ที่ขอบใบมีร่องฟัน และคล้ายกับฟันของใบเลื่อย ที่ด้านหลังใบน แต่งแต้มด้วยสีขาว ดอกบานประมาณเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไม้ผลัดใบ ลำต้นสูง เติบโตในพื้นที่ป่า ภูเขาและ เนินเขา หรือยังพบในบริเวณในเขตเมืองด้วยเช่นกัน เมล็ดสามารถกินได้ ปัจจุบันนิยมที่จะนำมาปลูกในเขตชุมชน เพื่อเป็นไม้ประดับ ตกแต่งอาคารบ้านเรือน ลำต้นด้านนอกเป็นสีเทา ดำ เมื่อลำต้นเติบโตเต็มที่ จะกว้างประมาณ 1 เมตร เมล็ดมีรูปไข่ ยาวประมาณ 1.5 ซม. และจะแก่จัดในฤดูใบไม้ร่วง ในฤดูกาลต่อไปต่อไปCLOSE
● ความสูง ประมาณ 15 to20 เมตร
● สถานที่ ถนนสายTrail ที่ 1 ถึง 3 -
เป็นต้นไม้ผลัดใบ ลำต้นสูง เติบโตดีในป่า บนพื้นที่ภูเขา ซึ่งเรียกว่า ' ต้นบีช ประเภท Castanopsis โดยทั่วไป ลำต้นด้านนอกเป็นสีดำ สีน้ำตาล และหากโตเต็มที่แล้วลำต้นจะกว้างประมาณ 1 เมตร เป็นไม้พรรณที่ใช้ปลูกในสวน และเป็นต้นไม้ที่ใช้ป้องกันลมได้เป็นอย่างดี และประโยชน์อีกทางคือ มักจะนำไปผลิตเป็นวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์เครื่องมือที่ทำจากไม้ เฟอร์นิเจอร์ และ เครื่องใช้ วัสดุอื่น ๆ ใบมีลักษณะเป็นรูปวงรี กว้างประมาณ 6-15 ซม. ขอบใบเป็นร่องหยักคล้ายฟันเลื่อย ดอกบานระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน ขณะที่ดอกไม้บาน ใบอ่อนที่มีสีเหลือง ขึ้นมาอย่างหนาตา กลิ่นหอมจากดอกหอมรุนแรง เมล็ดพันธ์จะเป็นรูปวงรี ยาวประมาณ 2 เซนติเมตร จะเริ่มแก่จัดในฤดูใบไม้ร่วงปีต่อไป และสามารถกินได้ด้วยCLOSE
● ความสูง ประมาณ 20 ถึง 30 เมตร
● สถานที่ ถนนสาย Trail ที่ 1 - 3 -
ต้นไม้ผลัดใบขนาดเล็กที่พบในบริเวณที่เปียกชื้น รวมทั้ง ในภูเขา.ลำต้นด้านนอกเป็นสีน้ำตาลสดและผิวของลำต้นค่อนข้างเรียบเนียน ลำต้นเติบโตเต็มที่ จะกว้างประมาณ 30 ซม. ซึ่งจะไม่โตขึ้นมากนักเมื่อเทียบกับต้นไม้ขณะยังเป็นต้นกล้าอยู่ พื้นผิวของต้นไม้จะมีรอยแตกเล็ก ๆ เพื่อเปิดที่ช่วยให้ก๊าซที่จะแลกเปลี่ยนระหว่างอากาศและเนื้อเยื่อภายในของพืช คล้ายกับต้นในตระกูลดอกซากุระ แต่ถือได้ว่า ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเดียวกัน ใบมีความยาว 6 - 12 ซม. ดอกบานตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน และใน 1 โคนดอก จะมีดอกบานประมาณ 5-12 ดอก โดยมีสีแดงเข้ม ไม่มีกลีบดอกกลีบเลี้ยงและหรือเกสรตัวผู้จำนวนมาก แต่สามารถกระจายพันธ์ ขยายพันธ์ได้อย่างรวดเร็ว ผลไม้เมล็ด หากได้รับการผสม เมล็ดเกสรตัวผู้ตัวเมียที่อยู่ภายในดอก จะ เปิดสีเหลืองในฤดูใบไม้ร่วงและเมล็ดจะบินตามลมCLOSE
●ความสูง ประมาณ 5 ถึง 15 เมตร
●สถานที่ ถนนสายTrail 4 จาทากิ, เทือกเขาโอคุ-ทาคาโอะ -
เป็นต้นไม้ผลัดใบ ลำต้นสูง เติบโตในป่า รอบๆ เนินเขา รวมไปถึงพื้นที่บนภูเขา เมื่อสัมผัสกับลำต้น จะรู้สึกราบเรียบ ลำต้นสีเทา ที่มีขนาดเล็กมีกิ่งจำนวนมาก ลำต้นเมื่อเติบโตเต็มที่จะกว้างประมาณ 1 เมตร เป็นไม้ยืนต้นที่นิยมนำมาตกแต่งบ้าน นำมาตกแต่งสวนเพื่อได้บรรยากาศสวยงาม ใบมีขนาดใหญ่ ยาว ประมาณ 20 ถึง 40 ซม. กว้างประมาณ 10-25 ซม. ใบเป็นรูปวงรี และหนา ซึ่งจุดเด่นที่มีใบหนาขนาดใหญ่นี่เอง จึงกลายเป็นเป็นชื่อเรียก โฮโอโนกิ ซึ่งแปลว่า ต้นไม้ใบยักษ์ จะพบมาในแถบฮิดะ เทือกเขาทาคายามะ จังหวัดไอจิ ) และผู้คนได้ใช้ประโยชน์ ในการนำใบมาห่ออาหาร และเป็นที่ใส่อาหาร แทนจานข้าว หลายสิบปีที่ผ่านมา ดอกไม้ก็มีขนาดใหญ่ ยาวประมาณ 15 ซม. ดอกสีขาว แต่งแต้มด้วยสีเหลือง ดอกจะบานเต็มที่ระหว่างเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน. เป็นลักษณะวงรี รูปไข่ ยาวประมาณ 10 ถึง 15 เซนติเมตร เมื่อเมล็ดแก่จัด จะสามารถทำหน้าที่เป็นเมล็ดพันธ์เพื่อที่จะขยายพันธ์ต่อไปCLOSE
● ความสูง ประมาณ 20 ถึง 30 เมตร
● สถานที่ ถนนสายTrail 4 เทือกเขาอินาริ, เทือกเขาโอคุ-ทาคาโอะ -
เป็นต้นไม้ผลัดใบ ที่มีขนาดเล็ก มีลักษณะเป็นไม้พุ่ม มีถิ่นกำเนิดในป่า ในภูเขาลึก ซึ่งเรามักจะพบเห็นดอกเป็นพวง สวยงามเป็นสัญลักษณ์ของดอกอาบุราจันได้ในบริเวณที่มีความชื้นตามภูเขา ลำต้นมีสีเขียว แต่งแต้มด้วย สีเทา น้ำตาล ขนาดเล็ก ลำต้นข็งแรง ดังนั้นคนก็นำไปใช้ประโยชน์ โดยใช้ในการขึงตาข่ายแทนไม้ไผ่ ในการล้อมรั้ว และอื่น ๆ อีกมากมาย ' อาบุราจัน ' หมายถึง ' ต้นไม้สกัดน้ำมันจากธรรมชาติ ทำให้มองให้เห็นว่า ในสมัยโบราณ คนเราใช้น้ำมันจากการสกัดจากเมล็ดของผลไม้ชนิดนี้ เป็นวิธีการทางธรรมชาติ ใบเป็นรูปวงรี ยาวประมาณ 4-9 เซนติเมตร กว้างประมาณ 2-4 ซม. ดอกจะบานเต็มที่ประมาณเดือนมีนาคม-เมษายน ใน 1 โคนดอกจะมีดอกเล็ก ๆ อยู่ประมาณ 3-5 ดอก มี 6 กลีบ ความยาว 2 มม. มีสีเหลืองสวยงาม มีเกสรตัวผู้ตัวเมียในดอกเดียวกัน สามารถผสมพันธ์ในดอกเดียวกันได้ เกสรตัวผู้จะมีลักษณะเป็นท่อยาวชูขึ้นออกนอกโคนดอก และเกสรตัวเมียเป็นละอองเกสรอยู่ตรงกลางดอก เมล็ดทรงกลม เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.5 ซม. ผลเมื่อแก่จัดจะเป็นสีน้ำตาล เหลือง ในเดือนกันยายนCLOSE
● ความสูง ประมาณ 3 ถึง 6 เมตร
● สถานที่ ถนนสายTrail 1 Trail 3-6 , เทือกเขาอินาริ, เทือกเขาอุระ-ทาคาโอะ ,มินามิ-ทาคาโอะ -
เป็นต้นไม้ผลัดใบที่มีขนาดเล็ก มีลักษณะเป็นพุ่มไม้ที่เติบโตในป่า ใกล้แหล่งลำธารในป่าดงดิบ ป่าชื้น และเนินเขาทั่ว ๆ ไป ลำต้นเป็นสีเขียว และแต่งแต้มด้วย สีเทา ลำต้นเมื่อเติบโตเต็มที่ กว้าง 18 ซม. ในขณะที่ต้นยังอ่อนอยู่ จะมีสีเลืองอมเขียว มีเปลือกที่หนานุ่ม แต่ต่อมาเมื่อต้นเริ่มแก่ลง ขนที่ขึ้นรอบโคนต้นจะเริ่มหายไป จะกลายเป็นสีเหลือง สีน้ำตาลในที่สุด ใบเป็นรูปใข่ กว้างประมาณ 5 ถึง 15 ซม. ใบจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองสดในฤดูใบไม้ร่วง ดอกจะเริ่มบานประมาณเดือนมีนาคม ถึงเดือนเมษายน จนกลายเป็นสัญลักษณ์ให้รู้ว่า ในฤดูใบไม้ร่วงจะมีดอกไม้สีเหลือง จะบาน พร้อมกับกลิ่นที่หอมฟุ้งกระจายในช่วงต้น ฤดูใบไม้ผลิ ที่ภูเขาทาคาโอะ นอกจากนี้ยังมีชื่ออื่นให้เรียกอีก ตามสีของดอก; คือดอกกำยาน เมล็ดมีรูปทรงกลม เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 8 มม. ขณะเมล็ดอ่อนอยู่จะมีสีแดง เมื่อแก่จัดแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีดำ ในเดือนกันยายน-ตุลาคมCLOSE
● ความสูง ประมาณ 2 ถึง 6 เมตร
● สถานที่ ถนนสายTrail 5 ภูเขาอุระ-ทาคาโอะ โอคุ-ทาคาโอะ , มินามิ- ทาคาโอะ -
พุ่มไม้ผลัดใบที่พบอยู่บนเนินเขาและที่ขอบป่า รวมถึงใกล้กับแหล่งลำธาร มีกิ่งก้านสาขาจำนวนมาก ลำต้นเป็นสีเขียวอมเทา และมีเปลือกต้นไม้ค่อนข้างเรียบ ขณะที่ลำต้นอ่อนอยู่ จะเป็นสีน้ำตาลเข้ม อมดำ แต่จะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเทาสีขาวในปีต่อไป คล้ายดอกไฮเดรนเยีย และเนื่องจากมีลำต้นคล้ายกับต้น deutzia crenata, ด้วยเหตุนี้ จึงมีชื่อของญี่ปุ่น Gaku-Utsugi แปลว่า ไฮเดรนเยีย ใบมีลักษณะรูปไข่ ยาว 4-7 ซม. ใบมีสีเขียวเป็นเงางาม และขอบใบจะมีรอยหยักคล้ายกับร่องฟันของใบเลื่อย ดอกไม้ขณะที่บาน จะมีความยาวประมาณ 7 ถึง 10 ซม. ดอกจะเริ่มบานระหว่างเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ดอกเป็นสีขาว และมีเส้นผ่าศูนย์กลางดอกประมาณ 2.5-3 ซม. โคนดอก จะมีเกสรตัวผู้ และละอองเกสรตัวเมีย อยู่ในดอกเดียวกัน และละอองเกสรเป็นเหมือนปุยนุ่นเบา ๆ สามารถลอยไปตามลม เพื่อไปกาะเกสรตัวเมียที่ดอกอื่นได้ หรือผสมเกสรในดอกเดียวกัน เมื่อดอกได้แก่จัด เมล็ดตรงกลางสีดำจะเริ่มร่วงลงพื้นดิน เพื่อจะกลายเป็นเมล็ดพันธ์ เพื่อขยายพันธ์กันต่อไปCLOSE
●ความสูง ประมาณ 1-1.5 เมตร
●สถานที่ ถนนสายTrail 4, 6 Trail -
พุ่มไม้ผลัดใบที่พบในบริเวณที่มีแดดจัด และเนินเขาที่ร้อนชื่น จนถึงยอดเขาเขตร้อน ลำต้นจะมีสีเทา สีน้ำตาล และมีเปลือกหนา ภายในเนื้อไม้จะเป็นไม้ที่มีโพรง ภายในกลวง ไม้เมื่อยังอ่อน จะมีสีเขียวอมน้ำตาล หรืออมดำ ใบมีลักษณะเป็นรูปวงรี ยาวประมาณ 4-7 ซม. ใบที่อยู่ส่วนล่างของลำต้น จะยาวลงมาคลุมลำต้น ที่ล่างของใบ จะมีขนเล็ก ๆ อ่อนขึ้นทั้งแผ่น และขอบใบจะมีรอยหยักคล้ายฟันของใบเลื่อย ชื่อภาษาญี่ปุ่น Maruba-Utsugi แปลว่า ไม้ใบกลม ซึ่งพืชชนิดนี้จะมีใบกลมนั่นเอง ใบเมื่อถึงฤดูใบไม้ร่วง จะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วง สีน้ำตาลในที่สุด ออกดอกเดือนพฤษภาคม ขณะที่ดอกบานนั้น จะมองเห็นสีขาวได้ชัดเจน ดอกสีขาวจะหันหน้าขึ้นไปด้านบนของช่อดอก ดอกไม้จะมี 5 กลีบ และกลีบด้านในจะเป็นสีเหลืองนวล มีเส้นผ่าศูนย์กลางที่ 1.5 ซม. และจะมีขนอ่อน ยาวประมาณ 3 มม. ทั่วทั้งใบCLOSE
●ความสูง ประมาณ 1-1.5 เมตร
●สถานที่ ถนนสายTrail ที่ 5 และ 6 -
ไม้พุ่มผลัดใบ ที่พบในป่าใกล้แหล่งน้ำ และในป่าเปียกชื้น ในเนินเขา มีการขยายกิ่งก้านสาขาเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่เป็นต้นอ่อนอยู่จะมีขนขึ้นตามลำต้น ใบมีรูปไข่ ความยาวประมาณ 10 ถึง 20 ซม. ที่ขอบใบมีรอยหยักคล้ายเป็นร่องฟันใบเลื่อย นอกจากนี้ยัง มีขนหยาบขึ้นรอบใบทั้งสองด้าน ชื่อญี่ปุ่น ทามาอาจิไซ แปลว่า ไฮเดรนเยียทรงกลม เป็นชื่อเพราะ โคนใบมีลักษณะทรงกลม ออกดอกในระหว่างเดือนเมษายนถึง เดือนกันยายน ซึ่งจะทำให้ต้นไฮเดรนเยียนี้ โดดเด่นสวยงามมาก ช่อดอกมีลักษณะทรงกลม มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3 ซม คล้ายกับแผ่นดิสค์ครอบดอกไว้ ดอกมีขนาดเล็กและมีกลีบดอกชั้นในสีขาว 3 - 5 กลีบประดับอยู่ ( ช่อดอก โดยรอบจะไม่มี เกสรตัวผู้ มีเฉพาะละอองเกสรตัวเมียเท่านั้น) ผลเป็นรูปไข่ ยาว 3.5 มม.CLOSE
● ความสูง ประมาณ 1 ถึง 2 เมตร
● สถานที่ ถนนสายTrail 1 -2 / 4-6 , เทือกเขาอุระ-ทาคาโอะ โอคุ-ทาคาโอะ ,มินามิ-ทาคาโอะ -
ไม้พุ่มผลัดใบ ที่พบในบริเวณแดดจัด ริมถนน ริมแม่น้ำในภูเขาทางตะวันออกของญี่ปุ่น ลำต้นขนาดเล็กมีสีเขียวสด และเมื่อลำต้นแก่เต็มที่จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล มีครีบบนกิ่งและก้านใบ ลำต้นสวยงดงาม ชื่อภาษาญี่ปุ่น โมมิจิ-อิจิโกะ หมายถึงสตรอเบอร์รี่เมเปิ้ล เป็นเพราะ สตรอเบอรรี่ที่มีใบคล้ายใบเมเปิ้ล ใบมี เส้นผ่าศูนย์กลาง 7-15 ซม. ในหนึ่งก้านใบ จะประกอบด้วยใบประมาณ 3 - 5 ใบ คล้าย ๆกับต้นปาล์ม ก้านใบมีลักษณะยาว และขอบใบเป็นรอยหยักคล้ายร่องฟันของใบเลื่อย ใบจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองในฤดูใบไม้ร่วง ฤดูออกดอกเป็นตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม ใบจะมีลักษณะคล้ายรูปไข่ มีกลีบดอก 5 กลีบ กลีบเลี้ยงมีปลายคม ผลไม้มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1-1.5 ซม. เมื่อผลสุกเต็มที่ จะเปลี่ยนเป็นสีส้ม ตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคมและสามารถนำมารับประทานได้CLOSE
●ความสูง ประมาณ 1 ถึง 2 เมตร
●สถานที่ ถนนสายTrail 1 Trail 3-6, ภูเขาอินาริ , มินามิ-ทาคาโอะ -
ไม้เถายืนต้นผลัดใบ ที่พบในขอบป่า ริมธารน้ำ ในภูเขา มีเครือเถาวัลย์ที่ใหญ่ และมีหนามมากมาย ซึ่งการที่มีเถาวัลย์ระโยงระยางมากมายนี้ จึงได้ชื่อว่า จากเกทซึ-บาระ แปลว่า งูผูกหนาม ใบมีลักษณะเป็นรูปวงรี มีใบซ้อน ๆ กัน ใน 1 โคนใบจะมีอยู่ประมาณ 5 - 10 ใบ และมีความยาวประมาณ 20-40 cm. ฤดูออกดอกเป็นตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน และมีช่อดอกยาว 20 ถึง 30 เซนติเมตร จะมองเห็นดอกไม้สีเหลืองเป็นพุ่มงดงามจำนวนมาก ดอกไม้มีเส้นผ่าศูนย์กลางดอกประมาณ 3 ซม. มีกลีบใบจำนวน 5 กลีบ หนึ่งกลีบดอกมีจุดสีแดง ๆ ขนาดเล็ก ดอกมีความกว้าง 3 - 10 ซม. มีรูปทรงคล้ายเปลือกหอย เมื่อผลไม้สุกจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ใน 1 ผลจะมีเมล็ดประมาณ10 เมล็ด เมล็ดมีรูปไข่ สีดำ ยาวประมาณ 1 ซม.CLOSE
●ความสูง สูงเท่ากับเถาเครือที่สามารถพันขึ้นไปได้
●สถานที่ เทือเขายาทากิ -
ไม้พุ่มเขียวชอุ่ม ลำต้นสูงไม่เกิน 1 เมตร เจริญเติบโตได้ดีตลอดทั้งปี พบในเขตป่าในภูเขาทาคาโอ่ะ ส่วนมากจะพบในป่าต้นสน อยู่ใกล้เชิงเขา และที่อากาศหนาวเย็น ใบมีลักษณะคล้ายต้น skimmia จึงมีชื่อญี่ปุ่น Miyama - sikimi แปลว่า ต้นมิยามา สคิมเนีย ใบยาว 4-9 ซม.,กว้าง3-5 ซม. มีรูปไข่ ใบมีลักษณะมันวาว ออกดอกปีละ 1 ครั้ง ในระหว่างเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคมกลีบดอกจะยื่นออกมาออกนอกโคนต้นที่ดูสวยงามมาก ในโคนดอก มีเกสรตัวผู้ที่เป็นแท่งโคนโน้มออกจากตัวดอก และเกสรตัวเมียที่อยู่ตรงกลางของโคนดอก มีเกสรสีเหลือง ดอกมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 ซม. มีสีขาว ยาว 5-8 มม. ผลไม้รูป ทรงกลม และมีเมล็ดพันธุ์ 1 เมล็ดอยู่ภายใน เมื่อแก่เต็มที่จะเปลี่ยนเป็นสีแดง แต่จะมีส่วนที่เป็นพิษ ที่เรียกว่า skimmianine และที่มีอยู่ในผลไม้มากที่สุด หารับประทานเข้าไป อาจทำให้เกิดการล้มป่วยลงได้CLOSE
● ความสูง ประมาณ 1 ถึง 1.5 เมตร
● สถานที่ ถนนสาย 1 - 3 - 4 ภูเขาอินาริ -
ไม้พุ่มผลัดใบ พบตามริมถนน เขตป่า เนินเขา บริเวณที่มีแดดส่องถึง ในป่าร้อนชื้น ตามภูเขา ในภูเขา ลำต้นมีขนาดเล็ก สีเทา สีน้ำตาล เมื่อเติบโตเต็มที่จะกว้างประมาณ 50 ซม. ใบมีลักษณะรูปไข่ ยาว 7-20 ซม. ใบอ่อนมีขนสีแดงอยู่หนาแน่น ใช้ในการห่ออาหาร ชื่อญี่ปุ่น Akame-gashiwa แปลว่า ไม้แดง ดอกไม้บาน ระหว่างเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ตรงโคนดอก จะมีเกสรตัวผู้มีสีเหลือง ยาว7-20 ซม และละอองเกสรตัวเมีย อยู่ในดอกเดียวกัน ละอองเกสรเป็นเหมือนปุยนุ่นเบา ๆ สามารถลอยไปตามลม เพื่อไปกาะเกสรตัวเมียที่ดอกอื่นได้ ผลเป็นรูปไข่ ยาว 8 มม. ,และเมื่อสุกเต็มที่ จะกลายเป็นสีน้ำตาล ช่วงประมาณเดือนกันยายนCLOSE
● ความสูง ประมาณ 5 ถึง 15 เมตร
● สถานที่ ถนนสาย Trail 1 -
เป็นไม้ผลัดใบ ลำต้นสูง เติบโตในป่า บริเวณพื้นที่ลาดเอียงที่มีแดดส่องถึง บริเวณพื้นที่บนภูเขา บริเวณที่ชื้น และตามริมลำธาร นิยมนำมาประดับสวน เป็นไม้ประดับตามอาคารบ้านเรือน บอนไซ จึงมีชื่อเรียก เอโรฮ่า โมมิจิ แปลว่าเมเปิ้ลจำลอง เมือลำต้นโตเต็มที่จะเริ่มเปลียนจากสีเขียวเป็นสีเทาเข้ม และลำต้นจะเริ่มตั้งสูงขึ้น ลำต้นกว้างประมาณ 60 ซม. 1โคนกิ่งจะประกอบด้วยใบประมาณ 5 - 7 ใบ เป็นไม้ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งใบของต้นไม้เมเปิ้ลแต่ละต้น แต่ละสายพันธ์ ก็จะจะมีสีที่แตกต่างกันไป เช่น สีแดง , สีเหลือง, สีส้มและ สีน้ำตาล ปลายขอบใบจะมองไกลๆ เหมือนสีแดง เนื่องจากแสงแดดส่องกระทบ จะออกดอกช่วงระหว่างเดือนเมษายน-พฤษภาคม เป็นไม้ใบที่มีความงดงามในโทนสีแดงจนกลายเป็นสัญลักษณ์ของฤดูใบไม้ร่วงCLOSE
● ความสูง ประมาณ 10 ถึง 20 เมตร
● สถานที่ ถนนสายTrail ที่ 1 ถึง 4 -
เป็นไม้ผลัดใบ ลำต้นสูง พบป่าตามแนวหุบเขาที่มีความชื้น บริเวณเนินเขา ลำต้นจะมีสีเขียว แต่งแต้มด้วยสีน้ำตาลแดง และเมื่อต้นไม้ได้เริ่มแก่เต็มที่จะเปลี่ยนเป็น สีดำสีเทาสีน้ำตาล ลำต้นกว้างประมาณ 2 เมตร เปลือกของลำต้นจะเริ่มหนาขึ้นเรื่อย ๆ และลอกออก ใบลักษณะคล้ายรูปหัวใจ เส้นรอบวงประมาณ 3 ถึง 8 ซม. ขอบใบเป็นรอยหยักเหมือนฟันของใบเลื่อย และมีลักษณะคล้าย ๆ แป้งอยู่ด้านล่างของใบ ออกดอกช่วงประมาณเดือนมีนาคม-พฤษภาคม มีกลีบดอก และกลีบเลี้ยงล้อมรอบอย่างงดงาม เกสรตัวผู้จะมีลักษณะเหมือนขนนกสีขาว และมีเดือยโผล่พ้นจากโคนดอก และเกสรตัวเมียจะมีละอองเกสร เพื่อใช้เป็นที่ผสมพันธ์และกลายเป็นเมล็ดแก่ที่ใช้ในการขยายพันธ์ ดอกมีสีแดง สีม่วง แต่งแต้มด้วยสีชมพูอ่อนฉูดฉาด เมล็ดมีรูปร่างคล้ายกล้วย ยาวประมาณ 1.5 ซม. เมื่อสุกเต็มที่จะเปลี่ยนเป็นสีดำ สีม่วง ในฤดูใบไม้ร่วงCLOSE
● ความสูง ประมาณ 20 ถึง 30 เมตร
● สถานที่ ถนนสายTrail 1 - 4 , Trail 6 ภูเขาอุระ-ทาคาโอะ -
เป็นไม้ป่าดิบ ที่เติบโตในป่าบนพื้นที่ภูเขา เนินเขา ลำต้นจะเป็นสีเขียวอมแดง และสีน้ำตาลเข้ม ใบมีลักษณะกลม ขนาดเล็กจำนวนมาก ลำต้นยาวประมาณ 30 เซนติเมตร เริ่มแตกกิ่งก้านตั้งแต่ช่วงฤดูหนาว ใบถูกนำมาใช้ในพิธีกรรมของลัทธิชินโต ถือว่าเป็นต้นไม้ที่ศักดิ์สิทธิ์ โดยนำใบประดับในแท่นบูชา ซึ่งมีความเชื่อนี้มาตั้งแต่อดีตกาล ใบเป็นรูปวงรี ยาวประมาณ 8 ถึง 10 ซม. กว้างประมาณ 2-4 ซม. หนาและเงางาม ฤดูกาลอกกดอกประมาณช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ใน 1 โคนกิ่งจะประกอบด้วยดอก 1-3ดอก เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.5 ซม. มีกลีบดอกไม้ 5 กลีบ ที่เริ่มเป็นขาวในตอนแรก และจากนั้นต่อมาก็จะเริ่มมีสีเหลืองมาแซม เมล็ดมีรูทรงกลม ยาวประมาณ 7 มม. กสรตัวผู้จะมีลักษณะเหมือนขนนกสีขาว และมีเดือยโผล่พ้นจากโคนดอก และเกสรตัวเมียจะมีละอองเกสร เพื่อใช้เป็นที่ผสมพันธ์และกลายเป็นเมล็ดแก่ที่ใช้ในการขยายพันธ์ และเริ่มแก่เต็มที่ในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม ซึ่งจะเปลียนเป็นสีดำ สีม่วงCLOSE
● ความสูง ประมาณ 10 ถึง 12 เมตร
● สถานที่ ถนนสายTrail ที่ 1 ถึง 3 -
เป็นไม้พุ่มผลัดใบ ที่เจริญเติบโตในป่าลึก เนินเขา ลำต้นแต่งแต้มด้วยสีน้ำตาลและ สีดำ และเมื่อลำต้นเติบโตเต็มที่แล้วลำต้นจะเริ่มตั้งสูงขึ้นเรื่อย ๆ ใบรูปไข่ ยาวประมาณ 6 ถึง 12 ซม. กว้างประมาณ 3-6 ซม. ขอบเป็นรอยหยักคล้ายเป็นร่องฟันของใบเลื่อย ฤดูกาลออกดอกในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ดอกมีลักษณะเป็นลักษณะคล้ายรูประฆังคว่ำ กว้างประมาณ 4 ถึง 10 ซม. โดยห้อยหัวลงมาเป็นตุ้ม มีสีขาว เกสรตัวผู้ยาว 8 มม.มีสีเหลือง และเกสรตัวเมียมีสีเขียวอมเหลือง เมล็ดรูปวงรีและทรงกลม ยาวประมาณ 8 มม. เมล็ดเมื่อแก่จัดจะเปลี่ยนจากสีเหลืองเป็นสีเขียว ซึ่งประมาณช่วงเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม เหตุผลที่ใช้ชื่อ คิบุชิ เนื่องจาก นิยมใช้เมล็ดพันธุ์เหล่านี้เป็นแทนสมอดีงูชนิดหนึ่งได้ จึงได้ใช้ชื่อนี้สืบมาCLOSE
● ความสูง ประมาณ 3 ถึง 5 เมตร
● สถานที่ ถนนสายTrail 1 Trail 5 ภูเขาอุระ-ทาคาโอะ โอคุ-ทาคาโอะ , มินามิ-ทาคาโอะ -
เป็นไม้พุ่มผลัดใบ ที่เจริญเติบโตในป่า เนินเขา และในบริเวณที่มีความชื้น เช่นใกล้กับริมธารบนภูเขา ลำต้นเมื่อเติบโตเต็มที่จะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้ม มันเงา ลักษณะของดอกเป็นเอกลักษณะ เป็นดอกไม้ขนาดเล็ก ซึ่งดอกจะบานอยู่ตรงกลางโคนใบ ซึ่งใบจะมีลักษณะเป็นใบที่กว้างมาก ที่มองเห็นได้ชัดเจนและสวยงามมาก จึงได้รับการตั้งชื่อว่า ฮานะอิคาดะ แปลว่า ดอกไม้ใบกว้าง ใบเป็นรูปวงรี กว้าง 6 ถึง 12 ซม. ขอบใบเป็นรอยหยักเหมือนฟันของใบเลื่อย ฤดูกาลของดอกที่บานในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน เป็นดอกไม้ที่มี สีเขียวอ่อน , ยาวประมาณ 5 มม. เกสรตัวผู้จะมีลักษณะเหมือนขนนกสีขาว และมีเดือยโผล่พ้นจากโคนดอก และเกสรตัวเมียจะมีละอองเกสร เพื่อใช้เป็นที่ผสมพันธ์และกลายเป็นเมล็ดแก่ที่ใช้ในการขยายพันธ์ เมล็ดมีรูปร่าง ทรงกลม ในเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.7-1 ซม.เมื่อสุกเต็มที่จะเปลี่ยนเป็นสีดำ สีม่วง ในเดือน สิงหาคม-ตุลาคม . เมล็ดมีรสหวาน และใบอ่อนนำมาปรุงอาหารรับประทาน ทอดกับแป้งเทมปุระ และใบสามารถนำไปต้ม ประกอบอาหารได้CLOSE
● ความสูง ประมาณ 1-3 เมตร
● สถานที่ ถนนสายTrail 4 Trail 6 ภูเขาอุระ-ทาคาโอะ -
เป็นไม้พุ่มผลัดใบ ที่เติบโตในป่า เนินเขา บริเวณที่มีความชื้น แหล่มริมธาร หรือสามารถพบเห็นได้ตามป่าทั่ว ๆ ไป ลำต้นมีสีเขียวถูกแต่งแต้มด้วยสีเทาอ่อน และผิวเปลือกของลำต้นนั้นราบเรียบ ลำต้นจะตั้งตรงสวยงาม นิยมที่จะนำไม้พรรณนี้นำมาเป็นไม้ประดับในสวนหย่อม ประดับตามอาคารบ้านเรือน ซึ่งถือได้ว่าได้รับความนิยมอย่างมาก ใบเป็นรูปวงรี ยาวประมาณ 6-13 ซม. ขอบใบคมชัดสวยงาม และขอบใบด้านบนยังเป็นรอยหยักคล้ายกับร่องฟันของใบเลื่อย ฤดูกาล ออกดอกระหว่างเดือนมิถุนายน-สิงหาคม ดอกไม้มีสีม่วง เส้นผ่าศูนย์กลางดอกไม้ประมาณ 4 มิลลิเมตร กออกเป็น 4 จะแบน เปิดเป็น 4 เกสร เกสรตัวผู้จะมีลักษณะเหมือนขนนกสีขาว และมีเดือยโผล่พ้นจากโคนดอก และเกสรตัวเมียจะมีละอองเกสร เพื่อใช้เป็นที่ผสมพันธ์และกลายเป็นเมล็ดแก่ที่ใช้ในการขยายพันธ์ ละอองเรณูจะมีสีเหลือง และสามารถขยายพันธ์ได้อย่างง่ายCLOSE
● ความสูง ประมาณ 2 ถึง 3 เมตร
● สถานที่ ภูเขาอินาริ , โอคุ-ทาคาโอะ -
เเป็นไม้พุ่มผลัดใบ ที่เติบโตในป่า เนินเขา บริเวณที่มีความชื้น แหล่มริมธาร หรือสามารถพบเห็นได้ตามป่าทั่ว ๆ ไป ลำต้นมีสีเขียวถูกแต่งแต้มด้วยดำ และผิวเปลือกของลำต้นนั้นราบเรียบ ลำต้นจะตั้งตรงสวยงาม เมื่อลำต้นโตเต็มที่ จะเป็นสีเขียวอมแดงเรื่อ ๆ นิด ใบเป็นรูปไข่ ยาวประมาณ 3-6 ซม. กว้างประมาณ 2-4 ซม. แตกหน่อจากด้านข้าง ด้านหลังของใบเป็นผิวบาง ๆ แต่งแต้มด้วยสีขาวฤดูกาลออกดอกประมาณเดือนเมษายน-พฤษภาคม ดอกเป็นสีชมพูอ่อนฉูดฉาด กลีบดอกมีบาง รูปทรงกระบอก มีรูปร่างเหมือนแตรประมาณยาว 1-1.5 ซม. มีกลีบดอก 5 กลีบ จะแบน เปิดเป็น เกสรตัวผู้จะมีลักษณะเหมือนขนนกสีขาว และมีเดือยโผล่พ้นจากโคนดอก และเกสรตัวเมียจะมีละอองเกสร เพื่อใช้เป็นที่ผสมพันธ์และกลายเป็นเมล็ดแก่ที่ใช้ในการขยายพันธ์ เมล็ดรูปวงรี ยาวประมาณ 1-1.5 ซม. เมื่อสุกเต็มที่จะเปลี่ยนเป็นสีแดง ในเดือนมิถุนายน มีรสชาติหวาน รับประทานได้CLOSE
● ความสูง ประมาณ 2 ถึง 3 เมตร
● สถานที ถนนสายTrail เพลส 1 , ภูเขาอินาริ -
ต้นไม้ ผลัดใบ ขนาดเล็ก (น้อยกว่า 10 เมตร ต้นไม้สูง ที่ หาย ใบของมัน อีกครั้ง ในปีที่ผ่าน) ที่พบใน ขอบป่า เปียกและ waterside.Branches ขยาย ในแนวนอนและ ใบอ่อน มีสีน้ำตาล กับผม . เห่า เป็น สีเทา สีดำ เรียบและ มีการวาง lenticels บางครั้งบางคราว ( เปิด ที่ช่วยให้ ก๊าซ ที่จะ แลกเปลี่ยนระหว่าง อากาศและเนื้อเยื่อ ภายในของ พืช) . ใบ มี 5 ถึง 12 เซนติเมตรยาว และกว้าง รูปไข่ กับผม tip.Have แหลม บน เส้น ใบ ด้านหลังและ ขอบ ฟัน ( ขอบ ของใบ เป็นเหมือน ฟัน ของ เลื่อย) . บลูมมิ่ง ฤดู ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ถึงเดือนมิถุนายน บาน 5-6 มม. ใน เส้นผ่าศูนย์กลาง สี ครีม ดอก กะเทย ( เกสร ตัวเมีย และ อยู่ร่วมกัน ในหนึ่ง ดอก ) ล้อมรอบด้วย 3 ถึง 4 ซม. เส้นผ่าศูนย์กลาง ดอกไม้ ประดับ สีขาว ( ช่อดอก รอบทิศทาง มี เกสร หรือ เกสร ) ใน ช่อดอก ( ต้นกำเนิด ด้วยดอกไม้ ) เติบโตจาก สาขา . นี้ดูเหมือนว่า ลูก ด้าย จึงชื่อ ญี่ปุ่นยาบุ demari หมายถึง ลูก ด้าย ใน พุ่มไม้ . ผลไม้ 5-7 มม. ยาวและ รูปไข่ และหลัง เปลี่ยนสีแดง จากเดือนสิงหาคม ถึงเดือนตุลาคม เปลี่ยนเป็นสีดำ ตามที่พวกเขา ทำให้สุกCLOSE
● ความสูง ประมาณ 2 ถึง 6 เมตร
● สถานที่ Kita- ทาคาโอะ -
พุ่มไม้ผลัดใบที่พบในชายป่า ในภูเขาที่มีแดดจัด ลำต้นเป็นสีเทาสีน้ำตาลและผิวเปลือกนั้นราบเรียบ มีท่อเพื่อที่จะทำการสังเคราะห์แสง เพื่อทำการให้ก๊าซที่จะแลกเปลี่ยนระหว่างอากาศและเนื้อเยื่อภายในของพืชอีกทางหนึ่ง ใบมีความยาว 6-14 ซม. กว้าง 3 ถึง 13 ซม. ขอบในมีรอยหยักคล้ายกับร่องฟันของใบเลื่อย มีขนทั้งสองด้านและต่อมใบที่แตกต่างกัน ฤดูกาลที่ดอกบานอยู่ระหว่างเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน. ดอกสีขาวขนาดเล็ก ๆ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 6 ถึง 10 ซม. ดอกมีลักษณะอยู่กันเป็นกลุ่มเป็นพวง อย่างน้อย 5 ดอก รวมเป็น 1 พวง กสรตัวผู้จะมีลักษณะเหมือนขนนกสีขาว และมีเดือยโผล่พ้นจากโคนดอก และเกสรตัวเมียจะมีละอองเกสร ผลไม้เป็นรูปไข่ยาวประมาณ 6 มม. และเปลี่ยนเป็นสีแดงจากกันยายน-พฤศจิกายน. ในฤดูหนาวเปลี่ยนเป็นแป้งสีขาวกลายเป็นหวานและกินได้CLOSE
●ความสูง ประมาณ 2-4 เมตร
●สถานที่ ถนนสายTrail 4 ภูเขาอินาริ, โอคุ-ทาคาโอะ -
เป็นไก่ฟ้าที่พบเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้นCLOSE
ขนาดจะโตกว่าไก่ฟ้าธรรมดาหนึ่งเท่า ไก่ฟ้าเพศผู้จะมีปีกยาวกว่าลำตัว
และชอบอยู่ตามป่าทึบ เมื่อเทียบกับไก่ฟ้าชนิดอื่นๆ ที่ชอบอยู่ตามพื้นที่โล่งแจ้ง ไก่ฟ้าเพศผู้กับเพศเมียมีสีน้ำตาล เมื่ออยู่ในป่าก็ดูกลมกลืนกับสิ่งแวคล้อม และเสียงร้องไม่ค่อยโดดเด่น " คุ คุ คุ คุ " จะเดินวนไปรอบ ๆโคนต้นไม้ในป่าเพื่อจับแมลง ไส้เดือน เมล็ดหญ้าและตาอ่อนของต้นไม้ ประมาณเดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายนเป็นช่วงฤดูผสมพันธ์ เพศผู้จากที่ไม่ค่อยแสดงตัวก็จะมีการตีปีกเพื่อให้เกิดเสียง
เพื่อประกาศอาณาเขต ทำรังใต้ร่มเงาของต้นไม้ที่ล้ม
โดยการนำใบไม้และเปลือกไม้มากองสร้างรัง วางไข่ครั้งละ 7-10 ฟอง
●ขนาด/เพศผู้ประมาณ125เซนติเมตร(รวมปลายปีก)เพศเมียประมาณ55เซนติเมตร
●ฤดู/เดือน1~12
เป็นนกประจำถิ่น(Ryuuchou:เป็นนกที่ปีหนึ่งๆจะอยู่ที่เดิมๆ) -
เป็นนกที่มีความสวยงามมาก ลักษณะเด่นคือ ลำตัวมีสีเขียวเหลืองและจงอยเป็นสีฟ้า เพศผู้และเพศเมียมีสีที่ใกล้เคียงกันมาก ลักษณะความแตกต่างคือ ปีกของเพศผู้จะมีขนสีม่วง ชอบอาศัยอยู่ตามป่าดงดิบ หรือป่าทึบ โดยจะอยู่เป็นฝูงตามป่าใบไม้กว้างเขียวชอุ่มเช่น ต้นโอ๊คฟันเลื่อย ต้นเมเปิ้ล ต้นโอ๊คมองโกเลีย เป็นต้น สำหรับป่าโปร่งนั้นแทบจะไม่ได้พบเห็นเลย จะกินผลของต้นไม้ ตาอ่อน หรือผลของต้นโอ๊ค นอกจากนั้นในต้นฤดูร้อนถึงฤดูใบไม้ผลิจะมีการบินมายังชายฝั่งทะเลเพื่อกินน้ำทะเลหรือตามแหล่งน้ำที่มีเกลือ แหล่งน้ำพุร้อนตามภูเขา เป็นการกินเกลือแร่เพื่อเพิ่มเสริมให้ร่างกายแข็งแรง ในฤดูผสมพันธ์เพศผู้จะร้องเสียงแบบเหงา ๆ " โอะ อะ โอะ"อย่างยาวๆแบบต่อเนื่อง ช่วงเดือนมิถุนายนทำรังโดยการเอากิ่งไม้เล็กๆมาทำเป็นรูปจานบนกิ่งไม้ ในหนึ่งครั้งวางไข่ประมาณ 2 ฟอง
●ขนาด/ประมาณ 33 เซนติเมตร
●ฤดู/ประมาณเดือน1-12
นกประจำถิ่น(Ryuuchou:เป็นนกที่ปีหนึ่งๆจะอยู่ที่เดิมๆ) หรือว่า
นกอพยพ(HyouChou:เป็นนกที่จะอยู้ในบางพื้นที่ในบางฤดูและก็อพยพไป(未翻訳)鳴き声を聞く
Audio Player -
อาศัยอยู่ในป่าโล่งกว้าง ภูเขาลูกต่ำ ๆ เมื่อเทียบกับนกกาเหว่าอื่นๆ
ตัวผู้จะร้องมีเสียงว่า “Tokkyo Kyoka - Kyoku ” แต่ชนิดนี้จะมีเสียงคือ “ Kyo Kyo Kyo ”ด้วยเสียงที่ดังมาก บางทีอาจเป็นเสียง “Ho To To Gi Su ” จึงเป็นที่มาของชื่อนกชนิดนี้ ด้านหลังนกที่โตเต็มวัยจะมีสีเทา ส่วนหน้าอกจะเป็นลายสีดำ ตัวผู้กับตัวเมียมีสีเหมือนกัน แต่ตัวเมียจะมีสีน้ำตาลแดง อาหารที่ชอบจำพวกแมลง แต่ที่ชอบมากกว่าคือ ด้วงและหนอน ไม่สร้างรังเป็นของตนเอง จะไปไข่ไว้ที่รังนกชนิดอื่น ฝากเลี้ยงและฟักออกเป็นตัว (ฟักไข่หนึ่งลูกต่อหนึ่งรัง) นี่คือลักษณะนิสัยของนกกาเหว่า จะเลือกรังนกที่มีลักษณะสีของไข่เหมือนกันคือมีสีน้ำตาลคล้ายๆกัน ฤดูผสมพันธุ์คือ ช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม
จะขโมยไข่จากรังของนกชนิดอื่นออกมา 1 ใบและเติมไข่ของตัวเองเข้าไปแทน ในช่วงใบไม้ร่วงจะหลบหนาวโดยอพยพไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
●ขนาด/ประมาณ 28เซนติเมตร
●ฤดู/ประมาณเดือน5~10
นกฤดูร้อน(Natsudori:ช่วงฤดูใบไม้ผลิกับฤดูร้อนจะอยู่พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเพื่อขยายพันธ์ พอเข้าฤดูใบไม้ร่วงจะอพยพไปทางใต้ )(未翻訳)鳴き声を聞く
Audio Player -
เป็นเหยี่ยวที่ชอบอาศัยอยู่ชายฝั่งทะเล เลียบแม่น้ำและอยู่ในเมืองCLOSE
จะร้องเสียง「พี-เอียว โร โร โร」และบินบนอากาศวนเป็นรูปวงกลม ตามที่ทุกคนคุ้นเคยมีชื่อเรียกว่า ว่าวสีดำ ชอบอยู่เป็นฝูง ออกหากินในตอนเช้า กินซากสัตว์ที่ตายแล้ว หรือปลา แมลง และกบเป็นต้น และหรือบางครั้งก็กินเศษอาหารตามกองขยะ ตัวผู้กับตัวเมียสีเหมือนกัน เมื่อตัวโตเต็มวัยจะมีสีน้ำตาลทั้งตัว ขณะบินจะเห็นหางเป็นรูปสี่เหลี่ยมคามหมู ช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคมเป็นช่วงผสมพันธ์ จะอยู่ด้วยกันและช่วยกันสร้างรังบนต้นไม้สูง โดยนำเศษกิ้งไม้แห้งมาทำรังเป็นรูปจานและวางไข่ทีละประมาณ 2-3 ฟอง
●ขนาด/ตัวผู้ประมาณ 58 ซม. ตัวเมียประมาณ 68 ซม.
●ฤดู/ประมาณเดือน1~12
นกประจำถิ่น(Ryuuchou:เป็นนกที่ปีหนึ่งๆจะอยู่ที่เดิมๆ) -
อาศัยอยู่พื้นที่ราบจนถึงในป่าบนภูเขา บางที่ก็พบเห็นได้ในเมืองCLOSE
นกตัวเมียเมื่อโตเต็มวัยจะมีสีเทาฟ้า ส่วนนกตัวผู้จะสีน้ำตาล จะเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน นอกจากฤดูผสมพันธ์แล้วจะอยู่ลำพังตัวเดียว อาหารที่ล่าคือไก้ฟ้า เป็ด กระรอก กระต่ายป่าเป็นต้น และจะจับนกพิราบหรือกาตามส่วนสาธารณะเป็นเหยื่อ ฤดูผสมพันธ์คือ ประมาณเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนมิถุนายน จะสร้างรังที่รากต้นไม้ใหญ่เช่นรากต้นสน โดยการวางไข่ครั้งละ 2-4 ฟอง ช่วยกันเลี้ยงลูก โดยตัวผู้จะทำหน้าที่ในการล่าเหยื่อ มีเสียงร้องว่า 「เคท,เคท 」 และเอาเหยื่อให้ตัวเมียมาเลี้ยงลูก จะสร้างรังที่เดิมทุกปี หรือไม่ก็มีการหมุนสลับเปลี่ยนกันในรังอื่นๆ ที่มีอยู่2-3รัง
●ขนาด/ตัวผู้ประมาณ 50 ซม. ตัวเมียประมาณ 56 ซม.
●ฤดู/ประมาณเดือน 1-12
นกประจำถิ่น(Ryuuchou:เป็นนกที่ปีหนึ่งๆจะอยู่ที่เดิมๆ) หรือว่า
นกอพยพ(HyouChou:เป็นนกที่จะอยู้ในบางพื้นที่ในบางฤดูและก็อพยพไป) -
จะอาศัยในป่า และป่าที่ใกล้ผู้คนอาศัยอยู่ โดยจะชอบอาศัยบนต้นไม้ใหญ่ในวัดหรือศาลเจ้า ตัวผู้กับตัวเมียมีสีเหมือนกัน สีของลำตัวแตกต่างกันไปตามพื้นที่ โดยหลักแล้วเป็นสีน้ำตาลเข้มหรือสีเทา ส่วนนกเค้าแมวที่อาศัยอยู่ทางเหนือจะออกเป็นสีขาว ชอบอยู่ตัวเดียว หรืออยู่เป็นคู่ ในกลางวันจะพักผ่อนบนต้นไม้ และเริ่มออกหากินในตอนเย็น
จะบินไปรอบๆโดยไม้ให้มีเสียงบิน จะล่าเหยื่อจำพวก หนู นก จิ้งจก กบแมลงเป็นอาหาร พอเข้าฤดูผสมพันธ์ ทั้งตัวผู้และตัวเมียก็จะร้อง 「 โฮ-โฮ 」 ส่วนมากจะสร้างรังในโพรงของต้นไม้ใหญ่ บางทีก็ทำรังบนหลังหลังคาบ้าน หรือตามขอบเพดานศาลเจ้า ช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนเมษายนจะวางไข๋ครั้งละประมาณ 2-3 ฟอง
●ขนาด/ประมาณ 50 เซนติเมตร
●ฤดู/ประมาณเดือน1~12
นกประจำถิ่น(Ryuuchou:เป็นนกที่ปีหนึ่งๆจะอยู่ที่เดิมๆ)(未翻訳)鳴き声を聞く
Audio Player -
เป็นอีกนกชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ใกล้ที่อยู่อาศัยของผู้คนมากที่สุด ทำรังตามต้นไม้ใหญ่ตามศาลเจ้า วัดในเมือง ชื่อนกเค้าเหยี่ยว (Aobazuku) มีการตั้งชื่อจากการทีเริ่มมีใบไม้เขียวขึ้นแน่นหนา จึงตั้งชื่อนี้ ตัวผู้กับตัวเมียสีเหมือนกัน หัวกลมสีน้ำตาลเข้ม มีลักษณะที่โดดเด่นคือ มีดวงตาสีเหลืองทอง ตอนกลางวันจะนอนหลับพักผ่อนบนต้นไม้ พอตกเย็นจะร้อง 「 โฮทโฮท, โฮทโฮท」 เป็นการส่งสัญญานว่าจะออกล่าเหยื่อทั้งตัวผู้และตัวเมีย จะไปบินรวมตัวกันที่โคมไฟในเมืองเพื่อดักจับมอดหรือแมลงทับกิน ค้างคาว หรือ นกเล็ก ๆด้วย ช่วงฤดูผสมพันธ์คือเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน จะทำรังตามช่องว่างของสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ หรือต้นไม้ใหญ่ วางไข่ทีละ 2-5 ฟอง ตัวเมียกกไข่ ตัวผู้ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยและหาอาหาร พอหน้าหนาวจะหลบความหนาวมาทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
●ขนาด/ประมาณ 29 เซนติเมตร
●ฤดู/ประมาณเดือน 5-10
นกฤดูร้อน(Natsudori:ช่วงฤดูใบไม้ผลิกับฤดูร้อนจะอยู่พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเพื่อขยายพันธ์ พอเข้าหน้าใบไม้ร่วงจะอพยพไปทางใต้ )(未翻訳)鳴き声を聞く
Audio Player -
เป็นนกหัวขวานที่เล็กที่สุดเท่าที่พบเห็นได้ที่ญี่ปุ่น
ตัวผู้และตัวเมียมีสีเกือบเหมือนกันแต่ตัวผู้ด้านหลังหัวจะมีลายสีแดงเล็กๆ
อาศัยอยู่ในป่าตามภูเขา แต่ปัจจุบันมีการขยายพันธ์เป็นจำนวนมากและกระจายอยู่ตามสวนสาธารณะในเมือง ชอบอาศัยเป็นคู่หรืออยู่ตัวเดียว โดยจะอยู่ปะปนกับฝูงนกกระจาบ ย้ายจากต้นหนึ่งไปสู่อีกต้นหนึ่งเพื่อหาอาหาร เช่นแมงมุม หรือแมลง หรืออาจเป็นน้ำหวานของดอกซากุระโดยใช้ลิ้นในการดูดน้ำหวาน ในฤดูผสมพันธ์ใช้เสียงร้องหาคู่ 「เกียー、เกียเกียกิกิกิ 」 ใช้ปากเจาะต้นไม้เป็นจังหวะ โคะโละโละโละโละ・・・ (เหมือนตีกลอง)เพื่อให้เป็นโพรงและทำรังในนั้น โดยจะเลือกต้นไม้ที่แห้งแล้ว ในการทำรังนั้นก็จะชอบต้นซากุระหรือต้นไม้ที่มีเห็ดเล็กๆขึ้น
ประมาณเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน จะวางไข่ทีละประมาณ 5 ฟอง
●ขนาด/ประมาณ 15 เซนติเมตร
●ฤดู/ประมาณเดือน 1-12
นกประจำถิ่น(Ryuuchou:เป็นนกที่ปีหนึ่งๆจะอยู่ที่เดิมๆ)(未翻訳)鳴き声を聞く
Audio Player -
เป็นนกหัวขวานที่อาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่นเท่านั้น โดยจะอาศัยตามพื้นที่ราบไปถึงป่าในภูเขาตั้งแต่แถวฮอนชูไปทางตอนใต้ ปัจจุบันสามารถพบรังของมันได้ที่ต้นซากุระในสวนสาธารณะ ด้านหลังลำตัวมีสีเขียวแต่งแต้มด้วยสีเทา หัวกับจงอยเป็นสีแดงดูสวยงามและโดดเด่นมาก ตัวผู้กับตัวเมียสีเกือบเหมือนกันแต่ตัวผู้เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วส่วนสีแดงจะเยอะกว่าโดยจุดสังเกตคือส่วนหัวทั้งหมดจะเป็นสีแดง ย้ายจากต้นไม้ไปสู่อีกต้นหนึ่งเพื่อจับแมลง หรือแมงมุมที่เกาะบนต้นไม้มากิน บางทีก็ลงมาเล่งหามดตามพื้นดิน ในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวจะกินผลไม้หรือผลของต้นไม้ ฤดูผสมพันธ์คือ เดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน มีเสียงร้อง 「 เพียวー、เพียวー」เสียงเหมือนนกหวีด เจาะต้นไม้เสียงเหมือนดีกลอง (「โคะโละโละโละโละ・・・」) เพื่อสร้างรัง ส่วนใหญ่จะเลือกเจาะต้นไม้ที่ยังไม่แห้ง ในแต่ละครั้งจะวางไข่ประมาณ 7-8ฟองCLOSE
●ขนาด/ประมาณ 29 เซนติเมตร
●ฤดู/ประมาณเดือน 1-12
นกประจำถิ่น(Ryuuchou:เป็นนกที่ปีหนึ่งๆจะอยู่ที่เดิมๆ) -
ประมาณเดือนเมษายนจะอพยพกลับมาจากทางเอชียตะวันออกเฉียงใต้หลังจากที่หมดฤดูหนาว โดยจะผสมพันธ์กันตามพื้นที่ราบไปถึงป่าในภูเขา มักได้ยินเสียงร้องเป็นTsukiーHiーHo-ShiーHoiHoi」 จึงมีการตังชื่อจากเสียงร้องที่ได้ยินเป็น"ซาน-โค-โจ" มีลักษณะพิเศษคือที่จงอยปากและบริเวณรอบดวงตาเป็นสีฟ้าสดใส หางของตัวผู้จะยาวกว่าลำตัว3เท่า ส่วนตัวเมียจะหางสั้นทำให้สามารถแยกแยะได้ทันทีที่เห็น
ชอบอาศัยอยู่ในป่ารกทึบ บินวนไปมาอย่างว่องไวปราดเปรียวเพื่อจับแมลงหรือแมงมุมที่ปลายของใบไม้กิน ตัวผู้จะสร้างอาณาเขตของตัวเอง เมื่อมีผู้บุกรุกจะไล่ทันที ฤดูผสมพันธ์คือ เดือนพฤษภาคมถึงประมาณเดือนกรกฎาคม สร้างรังโดยเอาตะไคร่น้ำหรือใยแมงมุมมาติดระหว่างกิ่งไม้เพื่อทำรังเป็นรูปทรงกรวยกลับก้านเหมือนหมวกสามมุม วางไข่ครั้งละประมาณ 3-5 ฟอง
●ขนาด/ตัวผู้ 45 ซม.(รวมขนหาง)ตัวเมีย 18 ซม.
●ฤดู/ประมาณเดือน4~8
นกฤดูร้อน(Natsudori:ช่วงฤดูใบไม้ผลิกับฤดูร้อนจะอยู่พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเพื่อขยายพันธ์ พอเข้าหน้าใบไม้ร่วงจะอพยพไปทางใต้ )(未翻訳)鳴き声を聞く
Audio Player -
ตัวผู้และตัวเมียมีสีลำตัวเกือบเหมือนกันคือเป็นสีน้ำตาล ส่วนห้วมีลวดลายสีขาวสลับดำ ที่ปีกมีลวดลายสีดำ ขาว ฟ้า เวลาบินจะเด่นสะดุดตามาก อาศัยในพื้นที่ราบหรือป่าโปร่งในพื้นที่ภูเขา นอกจากฤดูผสมพันธ์จะรวมตัวกันเป็นฝูงเล็กๆ ลักษณะการเดินจะกระโดดไปบนต้นไม้หรือตามพื้นดินเพื่อหาแมลง จิ้งเหลน ผลไม้กินเป็นอาหารCLOSE
อาหารที่ชื่นชอบคือลูกโอ๊ก โดยมีนิสัยซ่อนไว้ตามช่องว่างระหว่างต้นไม้หรือฝั่งดินเพื่อสะสม และค่อยมากินทีหลังแต่ส่วนมากมักถูกลืม
ปกติร้องเสียง「แจะー、แจ-อิ」ด้วยเสียงแหบแห้ง แต่ก็มีความชำนาญในการเลียนแบบเสียงร้องของนกชนิดอื่นเช่น นกเล็กๆหรือเหยี่ยว
จากช่วงเดือนเมษายนถึงประมาณเดือนมิถุนายนคือช่วงฤดูผสมพันธ์ วางไข่ครั้งละประมาณ 5-6 ฟอง
●ขนาด/ประมาณ 33 เซนติเมตร
●ฤดู/ประมาณเดือน 1-12
นกประจำถิ่น(Ryuuchou:เป็นนกที่ปีหนึ่งๆจะอยู่ที่เดิมๆ) -
อาศัยตามพื้นที่ราบหรือในป่าภูเขาเตี้ยๆ ชอบใช้ชีวิตอยู่บนต้นไม้ใบกว้างที่ป่าเขียวตลอดปี เช่นต้นโอ๊คและต้นการบูร เป็นต้น
เป็นนกที่คุ้นเคยกับผู้คนได้ง่าย พบได้บ่อยตามพื้นที่บ้านพักอาศัย
นอกจากฤดูผสมพันธ์ชอบอยู่ตัวเดียวหรืออยู่เป็นฝูงเล็กๆ ซึ่งอาจรวมนกที่จับคู่กันอยู่ด้วยยาวไปตลอดทั้งปี ตัวผู้กับตัวเมียสีเหมือนกัน
ปีกมีสีเทาอมฟ้า ด้านหลังและอกเป็นสีน้ำตาล(Kuriiro) โดดเด่นมาก
กินแมลงหรือผลของต้นไม้ อาหารที่ชื่นชอบมากที่สุดคือลูกโอ๊ด จะใช้เท้าสองข้างหนีบและใช้จงอยผ่าอย่างเชี่ยวชาญ
นอกจากนั้นยังมีนิสัยชอบเอาลูกโอ๊ดซ่อนไว้ตามช่องว่างระหว่างเปลือกไม้หรือในดินเพื่อเป็นเสบียงอาหารสำหรับช่วงฤดูหนาว
เดือนเมษายนถึงประมาณเดือนกรกฎาคมเป็นฤดูผสมพันธ์ ตัวผู้จะร้องว่า「ทซึทซึพิーทซึทซึพี」
การทำรังจะใช้รังร้างหรือรังเก่าของนกหัวขวาน วางไข่ครั้งละประมาณ 5-8 ฟอง
●ขนาด/ประมาณ 14 เซนติเมตร
●ฤดู/ประมาณเดือน 1-12
นกประจำถิ่น(Ryuuchou:เป็นนกที่ปีหนึ่งๆจะอยู่ที่เดิมๆ)(未翻訳)鳴き声を聞く
Audio Player -
ตั้งแต่คอถึงท้องมีลายเส้นสีดำเหมือนเนทไทเป็นลักษณะที่โดดเด่นมาก
ตัวผู้กับตัวเมียมีสีเกือบเหมือนกัน แต่ตัวผู้มีลายเส้นที่กว้างกว่าเป็นจุดที่สามารถแยกความแตกต่างได้ อาศัยตามพื้นราบถึงป่าในภูเขา หรือในที่อยู่อาศัยของผู้คน หรืออาจพบได้ในสวนสาธารณะ นอกจากฤดูผสมพันธ์จะทำกิจกรรมร่วมกันเป็นฝูงเล็กๆ ไม่ค่อยกลัวคน บางครั้งถึงขั้นทำรังที่กล่องรับจดหมายหรือกระถางดอกไม้ในสวนเลยทีเดียว จับแมลงหรือแมงมุมบนต้นไม้หรือบนพื้นดินกินเป็นอาหาร และเมล็ดพืชด้วย
หรืออาจเห็นรวมตัวกันที่ถาดอาหาร อาหารที่ชอบคือ เมล็ดทานตะวัน
ฤดูผสมพันธ์ตัวผู้จะร้อง「ทซึทซึพีーทซึทซึพีー」
เดิมทีจะทำรังตามช่องว่างระหว่างโขดหินหรือโพรงของต้นไม้ แต่ตอนนี้ชอบใช้รังกล่องบ่อยๆ
จากเดือนเมษายนถึงประมาณเดือนกรกฎาคมจะวางไข่ครั้งละประมาณ7~10ฟอง
●ขนาด/ประมาณ 15 เซนติเมตร
●ฤดู/ประมาณเดือน 1-12
นกประจำถิ่น(Ryuuchou:เป็นนกที่ปีหนึ่งๆจะอยู่ที่เดิมๆ)(未翻訳)鳴き声を聞く
Audio Player -
เมื่อเข้าฤดูใบไม้ผลิจะบินมาจากทางใต้เร็วกว่านกนางแอ่นชนิดอื่นเล็กน้อย ลำตัวจะค่อนข้างเล็กและขนปีกจะสั้น ส่วนใหญ่มีสีน้ำตาลแดงจากหัวผ่านมาถึงลำคอ แต่นกนางแอ่นขาวมาร์ตินมีลำคอสีขาว ชอบอยู่เป็นฝูงในพื้นที่ราบและป่าเปิดในภูเขาสูง จับเหยื่อขณะบินได้เช่นยุง มอด แมลงวัน เดิมทีจะสร้างรังกันเป็นกลุ่มตามถ้ำตามชายฝั่งหรือผนังหินของภูเขาเป็นส่วนใหญ่ แต่ปัจจุบันจะทำรังใต้ชายคาบ้าน ใต้สะพาน สถานีต่าง ๆ หรือ ซอกตึก เป็นต้นCLOSE
จากเดือนเมษายนถึงประมาณเดือนสิงหาคมจะเข้าฤดูผสมพันธ์ ตัวผู้จะร้อง「พิริท、จูริ、จิท」
สร้างรังเป็นรูปถ้วยโดยการเอาหญ้าแห้งและโคลนมายึดติดด้วยน้ำลายของตัวเอง วางไข่ครั้งละประมาณ3~4ฟอง
●ขนาด/ประมาณ 15 เซนติเมตร
●ฤดู/ประมาณเดืนอ 3~10
นกฤดูร้อน(Natsudori:ช่วงฤดูใบไม้ผลิกับฤดูร้อนจะอยู่พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเพื่อขยายพันธ์ พอเข้าหน้าใบไม้ร่วงจะอพยพไปทางใต้ ) -
อาศัยตามพื้นที่ราบหรือในป่าบนภูเขา หรือบางครั้งก็พบได้ในเมืองCLOSE
ร้องเสียงดังว่า「พีー、พีー、ฮิーโย、ฮิーโย」 จึงเป็นที่มาของชื่อญี่ปุ่น "Hiyo-dori" สวนมากจะใช้ชีวิตอยู่บนต้นไม้ จะไม่ค่อยลงมาที่พื้นดิน
กินผลไม้ น้ำหวานของดอกไม้ แมลง หรือบางครั้งก็ลูกนกชนิดอื่น รวมทั้งจิ้งแหลนด้วย นกปรอทมีหูสีน้ำตาล เดิมทีในช่วงฤดูใบไม้ผลิถึงฤดูร้อนจะเลี้ยงลูกอ่อนตามภูเขา ฤดูใบไม้ร่วงถึงฤดูหนาวจะย้ายมาอยู่แถบที่อบอุ่นที่เป็นพื้นที่ราบ แต่ปัจจุบันพบว่ามาทำรังบนต้นไม้ในสวนสาธารณะหรือบ้านพักอาศัยตลอดทั้งปี และมีจำนวนที่เพิ่มขึ้นด้วย
ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงประมาณเดือนกรกฎาคมเป็นฤดูผสมพันธ์ สร้างรังโดยนำกิ่งไม้แห้งมากอง ๆ หรืออาจมีเชือกพลาสติกมาเป็นวัตถุดิบก็มี วางไข่ครั้งละประมาณ 4~5 ฟอง
พอเข้าฤดูใบไม้ร่วงจะรวมตัวกันเป็นฝูงร้อยกว่าตัว และอพยพไปยังสถานที่อบอุ่นเป็นระยะทางสั้นๆ (จะมีการโยกย้ายที่อยู่ตามฤดูกาล)
●ขนาด/ประมาณ 28 เซนติเมตร
●ฤดู/ประมาณเดือน 1-12
นกประจำถิ่น(Ryuuchou:เป็นนกที่ปีหนึ่งๆจะอยู่ที่เดิมๆ) หรือว่า
นกอพยพ(HyouChou:เป็นนกที่จะอยู้ในบางพื้นที่ในบางฤดูและก็อพยพไป ) -
มีเสียงร้อง 「โฮ-โฮเคะ-เคียว 」 จะร้องในช่วงฤดูผสมพันธ์ โดยตัวผู้จะร้องเพื่อประกาศอาณาเขต ส่วนตัวเมียจะร้อง「จิ๊ด,จิ๊ด」
อาศัยอยู่ตามป่าไม้ พุ่มไม้ หรือทุ้งหญ้าตามพื้นราบถึงพื้นที่เป็นภูเขาในช่วงฤดูหนาวจะพบเห็นตามสวนสาธารณะในเมืองเต็มไปหมด
ตัวผู้กับตัวเมียมีสีเหมือนกัน โดยลำตัวเป็นสีเขียวแต่งแต้มด้วยสีเทา
บนตาจะมีแถบสีเทาอ่อน นอกจากฤดูผสมพันธ์จะอยู่ตัวเดียว จะกินแมลงหรือแมงมุม อาหารที่ชอบจะเป็นลูกพลับ
หยุดพักตามกิ่งไม้ระหว่างบินในระยะใกลแต่ก็ไม่ได้บินระยะทางไกลมาก บินไปรอบในพุ่มไม้ ใช้วิธีหวดหรือโบกหางเพื่อบินเปลี่ยนทิศทางบิน
ฤดูผสมพันธุ์จากเมษายน-สิงหาคม สร้างรังด้วยหญ้าสีเงินหรือหญ้าไม้ไผ่แห้งในพุ่มไม้โดยทำเป็นรูปทรงกลม วางไข่ครั้งละประมาณ 4-6 ฟอง
●ขนาด/ประมาณ 15 เซนติเมตร
●ฤดู/ประมาณเดือน 1-12
นกประจำถิ่น(Ryuuchou:เป็นนกที่ปีหนึ่งๆจะอยู่ที่เดิมๆ) หรือว่า
นกอพยพ(HyouChou:เป็นนกที่จะอยู้ในบางพื้นที่ในบางฤดูและก็อพยพไป(未翻訳)鳴き声を聞く
Audio Player -
เมื่อเข้าฤดูใบไม้ผลิ จะบินอพยพกลับมาจากทางใต้เมื่อพ้นฤดูหนาวCLOSE
จะอาศัยในซุ่มป่าไม้ไผ่ที่เขียวชอุ่มที่มีแสงรำไร และเนื่องจากเป็นนกที่อาศัยอยู่แต่ในพุ่มไม้จึงไม่ค่อยเจอ นอกเหนือจากฤดูผสมพันธ์จะชอบอยู่ตัวเดียวมากกว่า ใช้วิธีเดินแบบกระโดดในพุ่มไม้หรือบนพื้นดินเพื่อหาแมลงหรือแมงมุมกิน ลักษณะการเคลื่อนไหวนั้นดูแล้วคล้ายหนู
ตัวผู้กับตัวเมียมีสีเหมือนกัน ลำตัวมีสีน้ำตาล ส่วนหัวเป็นลายสีขาวเหมือนคิ้ว ขนหางสั้น จากช่วงเดือนพฤษภาคมถึงประมาณเดือนกรกฎาคม เป็นฤดูผสมพันธ์ ตัวผู้จะร้องหาคู่ว่า 「ชินชินชิน」 ร้องเหมือนเสียงแมลง เวลาที่อยู่ในอาณาเขตของตัวเองจะร้องเสียง「จาท จาท」เพื่อเป็นการเตือนให้นกตัวอื่นถอยห่าง สร้างรังเป็นรูปถ้วยโดยนำเอาใบไม้ร่วงหรือตะไคล่น้ำมากองที่พื้นที่ลุ่มบนพื้นดินหรือบนโคลนต้นไม้วางไข่ครั้งละประมาณ 5-7 ฟอง
ฤดูใบไม้ร่วงพอเลี้ยวลูกโตเต็มวัยจะอพยพลงใต้
●ขนาด/ประมาณ 11 เซนติเมตร
●ฤดู/ประมาณ 4~10
นกฤดูร้อน(Natsudori:ช่วงฤดูใบไม้ผลิกับฤดูร้อนจะอยู่พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเพื่อขยายพันธ์ พอเข้าหน้าใบไม้ร่วงจะอพยพไปทางใต้ ) -
ในญี่ปุนเป็นนกที่มีจงอยปากสั้นที่สุดCLOSE
ลำตัวมีรูปร่างกลมตัวเล็ก มีขนหางยาวเป็นจุดที่โดดเด่นมาก
ตัวผู้และตัวเมียมีสีเหมือนกัน หัวสีขาวจะมีลวดลายเส้นสีดำบนตา
บนไหล่มีขนสีองุ่นอ่อนปนอยู่ อาศัยอยู่ตามพื้นราบหรือป่าสนในภูเขาจะพบเห็นตามสวนสาธารณะหรือ ย่านที่อยู่อาศัยที่มีต้นไม้จำนวนมาก
มีร้องเสียง 「จิวริ,จิวริ,ชิริริ,จี-จี」 ทั้งปีโดยไม่เกี่ยวกับฤดูผสมพันธ์
นอกจากฤดูผสมพันธ์แล้วจะใช้ชีวิตเป็นฝูงเล็ก ๆ อาศัยอยู่ปะปนกับนกชนิดอื่นเช่นนกติ๊ตใหญ่ เป็นต้น จับแมลงหรือแมงมุมตามปลายกิ่งไม้เป็นอาหาร หรือกินผลของต้นไม้ด้วย ในต้นฤดูใบไม้ผลิจะดูดน้ำเลี้ยงจากต้นไม้เช่นต้นเมเปิ้ลเป็นต้น ฤดูผสมพันธ์คือช่วงประมาณเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมิถุนายน สร้างรังโดยใช้ใยแมงมุมเป็นกาวติดกับตะไคร่น้ำเพื่อทำรังรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าบนกิ่งไม้ วางไข่ครั้งละประมาณ 7-12 ฟอง
●ขนาด/ประมาณ 14 เซนติเมตร
●ฤดู/ประมาณเดือน 1-12
นกประจำถิ่น(Ryuuchou:เป็นนกที่ปีหนึ่งๆจะอยู่ที่เดิมๆ) -
เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิจะอพยพกลับมาจากทางใต้หลังจากย้ายไปถิ่นอื่นในช่วงฤดูหนาว จะใช้ชีวิตในป่าต้นไม้ผลัดใบกระจายในวงกว้างเช่นใบเมเปิ้ลและ ต้นKonaraของภูเขาต่ำ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงจะสามารถพบเห็นได้ตามย่านที่อยู่อาศัยหรือในสวนสาธารณะCLOSE
ตัวผู้กับตัวเมียสีเหมือนกัน ตั้งแต่หัวถึงด้านหลังมีสีเขียวเข้ม บนตามีเส้นลายสีขาวเหมือนคิ้ว มีการเคลือนไหวอยู่ตลอดเวลาบนกิ่งไม้ จะหยุดนิ่งที่ปลายของใบไม้เพื่อจับแมลงหรือแมงมุมที่อยู่ตามใบไม้กิน
ประมาณเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายนเป็นฤดูการผสมพันธ์ตัวผู้จะร้อง 「โจ โจ บิด 」, ได้ยินเหมือน 「โ ชจู อิท ปาย กึ~อิ 」
สร้างรังด้วยหญ้าแห้งที่เก็บมาจากพื้นตามที่ลุ่มของฝั่งหรือพื้นดินในป่าลักษณะรังตรงทางเข้าจะเอียงเป็นรูปทรงบอลที่ว่างเปล่า,วางไข่ครั้งละประมาณ 5-6 ฟอง
●ขนาด/ประมาณ 13 เซนติเมตร
●ฤดู/ประมาณเดือน 4~10
นกฤดูร้อน(Natsudori:ช่วงฤดูใบไม้ผลิกับฤดูร้อนจะอยู่พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเพื่อขยายพันธ์ พอเข้าหน้าใบไม้ร่วงจะอพยพไปทางใต้ ) -
อาศัยตามพื้นที่ราบถึงป่าตามภูเขาต่ำ ๆ ตามสวนสาธารณะและสวนขนาดใหญ่ หรือสวนในบ้าน ตัวเมียและตัวผู้มีสีเหมือนกันCLOSE
ตั้งแต่หัวถึงด้านหลังมีสีเขียวเหลือง รอบ ๆ ตามีวงสีขาวดูสะดุดตา
ในแต่ละปีส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตเป็นคู่ เดินวนไปมาบนต้นไม้เพื่อหาแมงมุมหรือแมลงกินเป็นอาหาร เมื่อเอาอาหารมาวางที่ถาดอาหารจะมาร่วมวงกินทันที ชอบกินส้มเขียวหวานหรือแอปเปิล หรือบางที่อาจจำพวกน้ำผลไม้ด้วย ช่วงฤดูดอกไม้บานจะชอบกินน้ำหวานจากดอกเคมีเลียและดอกซากุระ ดอกบ๊วย และกินเกสรดอกไม้ด้วย ช่วงนี้จะเห็นที่ลำตัวของมันมีผงของเกสรดอกไม้เต็มไปหมด เปรียบเสมือนทำหน้าทีในการผสมเกสร ฤดูผสมพันธ์คือช่วงเดือนเมษายนถึงประมาณเดือนมิถุนายน จะทำรังเป็นรูปถ้วยโดยการนำใยแมงมุมมาร้อยก้านหญ้าและตะไคร่น้ำที่กิ่งไม้เตี้ยๆ วางไข่ทีละประมาณ 3-5 ฟอง
●ขนาด/ประมาณ 12 เซนติเมตร
●ฤดู/ประมาณเดือน 1-12
นกประจำถิ่น(Ryuuchou:เป็นนกที่ปีหนึ่งๆจะอยู่ที่เดิมๆ) -
ในช่วงเดือนตุลาคมจะมาหลบฤดูหนาวอยู่ที่ญี่ปุ่นโดยอพยพมาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไซบีเรีย จะอาศัยตามป่าภูเขาต่ำ สามารถพบเห็นได้บ่อยตามย่านที่อยู่อาศัยหรือสวนสาธารณะ ดูผิวเผินมีลักษณะเหมือนกับสายพันธ์ Garrulus Bombycilla ที่หัวจะมีขนเหมือนมงกุฎ และที่ลำตัวจะมีสีน้ำตาลแดงเหมือนกัน เสียงร้องก็ 「จิริจิริจิริ」 คล้ายๆกัน จุดที่แตกต่างกันคือ ลำตัวของนกชนิดนี้จะเล็กกว่า ขนหางมีสีดำที่ปลายมีลวดลายสีแดง ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงตลอด จะเกาะตามกิ่งไม้1กิ่งกันเป็นกลุ่มๆ หรือเกาะเรียงกันตามสายไฟฟ้า เวลาออกบินจะบินพร้อมกัน กินผลไม้คืออาหารที่ชื่นชอบ หรือแมลงที่จับได้กลางอากาศขณะบิน อพยพไปทางเหนือประมาณปลายเดือนพฤษภาคมก่อนเข้าช่วงฤดูร้อนCLOSE
●ขนาด/ประมาณ 18 เซนติเมตร
●ฤดู/ประมาณเดือน 10~5
นกฤดูหนาว(Fuyudori:เป็นนกที่เข้ามาหลบหนาวตอนฤดูใบไม้ร่วง พอฤดูใบไม้ผลิก็อพยพไป) -
เป็นนกที่อพยพหนีหนาวมาจากแหล่งที่เป็นบ้านเกิดคือตะวันออกเฉียงเหนือของจีนในลุ่มแม่น้ำ Usuri เขตติดต่อระหว่างจีนกับรัสเซีย ทางคาบสมุทรเกาหลี ที่ญี่ปุ่นจะอาศัยอยู่ตามพื้นทีราบถึงป่าในภูเขา บางครั้งจะพบในสวนผลไม้หรือสวนสาธารณะด้วยCLOSE
ลักษณะการเดินจะกระโดดไปตามพื้นดินในป่าสลัว จะไม่ค่อยเห็นตามสถานที่โล่งแจ้ง อาหารที่ชอบคือตัวอ่อนของแมลงหรือไส้เดือนจากในดินหรือใต้กองทับถมของใบไม้ที่ร่วง และผลไม้ต่าง ๆ
ตัวผู้กับตัวเมียสีเกือบเหมือนกัน หัวสีเทาส่วนด้านหลังน้ำตาลเข้มปนเขียว ท้องเป็นสีเทาตรงกลางเป็นสีขาวจึงเป็นที่มาของชื่อ Shirohara
มีเสียงร้อง「กิวกิวกิว」 เวลาจะบินขึ้นร้องเสียงดังๆว่า 「จี๊ทー」
ในฤดูใบไม้ผลิจะอพยพขึ้นไปทางเหนือในจังหวัดนะงะซากิ
●ขนาด/ประมาณ 25 เซนติเมตร
●ฤดู/ประมาณเดือน 11~3
นกฤดูหนาว(Fuyudori:เป็นนกที่เข้ามาหลบหนาวตอนฤดูใบไม้ร่วง พอฤดูใบไม้ผลิก็อพยพไป) -
เป็นตัวแทนของนกฤดูหนาวที่อพยพมาอาศัยในญี่ปุ่นเป็นจำนวนมากจากไซบีเรีย อยู่กระจัดกระจายทั่วไปในพื้นที่ของญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น ป่าไร่การเกษตร แหล่งต้นน้ำของแม่น้ำ สวนสาธารณะและพื้นที่ที่เป็นย่านที่อยู่อาศัยของคน จะอาศัยอยู่ในพุ่มไม้และป่าไม้เขียวชอุ่ม ตอนอพยพมาใหม่ๆ จะอยู่เป็นกันฝูง แต่พอเข้าฤดูหนาวจะอยู่ตัวเดียวเป็นส่วนใหญ่ ลักษณะการเดินจะกระโดดไปตามพื้นดิน พอหยุดเดินจะยืดอก นกเดินดงอกลายแดงจะมีพฤติกรรมอย่างนี้ทำซ้ำไปซ้ำมาเพื่อหาอาหาร จะเขี่ยใบไม้ที่ร่วงบนพื้นดินหรือขุ้ยที่พื้นดินเพื่อหาตัวอ่อนแมลงหรือไส้เดือนกิน และชอบกินผลไม้ด้วย เช่น ลูกพลับ หรือลูก Pyracantha มีเสียงร้องอย่างต่อเนื่องว่า 「คิคิว」 ฤดูใบไม้ร่วงจะร้อง「ทซึอิー」โดยบินไปด้วยร้องไปด้วย พอฤดูใบไม้ผลิจะรวมตัวกันเป็นฝูงอีกครั้งและอพยพกลับไปทางเหนือเพื่อฟักไข่และเลี้ยงลูกอ่อนCLOSE
●ขนาด/ประมาณ 24 เซนติเมตร
●ฤดู/ประมาณเดือน 10~4
นกฤดูหนาว(Fuyudori:เป็นนกที่เข้ามาหลบหนาวตอนฤดูใบไม้ร่วง พอฤดูใบไม้ผลิก็อพยพไป)